Categories
Uncategorized

ควนนกเต้น

ควนนกเต้น

“ สัมผัสสายหมอกหยอกตะวันในยามเช้า
วิวหลักล้านที่ซ่อนอยู่ในเมืองลุง ”

    การเดินทางไปควนนกเต้น ภูเขาเล็กที่ตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 4 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง สามารถเดินทางได้โดยรถยนต์ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4122 และ ทางหลวงหมายเลข 4 จากตัวจังหวัดพัทลุง โดยระหว่างทางก่อนถึงควนนกเต้นจะได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ที่รายล้อมไปด้วยสวนยางพารา ทุ่งนา และน้ำตก ธรรมชาติที่ชาวบ้านช่วยกันรักษาไว้และยังคงสวยงามจนต้องจอดแวะเพื่อถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก
    เมื่อเดินทางตามเส้นทางมาเรื่อยๆ จะพบกับจุดจอดรถเพื่อซื้อตั๋วสำหรับขึ้นรถบริการต่อไปยังจุดชมวิวควนนกเต้นซึ่งเป็นตั๋วสำหรับทั้งขาไปและกลับ เมื่อถึงที่หมายก็พบกับจุดชมวิวทะเลหมอกที่เรียกได้ว่าสวยที่สุดในพัทลุง โดยสามารถชื่นชมความงามของพระอาทิตย์ในยามเช้าท่ามกลางแนวเทือกเขาบรรทัด ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดระหว่างวัน พร้อมกับการรับประทานอาหารเช้า หรือดื่มกาแฟ ดังคำกล่าว “จิบกาแฟ แลสายหมอก หยอกตะวัน” ซึ่งถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดีที่สุดในการเที่ยวชมควนนกเต้น แต่หากใครพลาดช่วงเวลานี้ก็ยังสามารถสัมผัสบรรยากาศเย็นสบาย ท่ามกลางธรรมชาติอย่างขุนเขา ป่าไม้ และน้ำตกได้ตลอดทั้งวัน โดยช่วงเย็นจะได้สัมผัสกับแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับขอบฟ้า

    บริเวณใกล้จุดชมวิวมีร้านกาแฟสำหรับบริการเครื่องดื่มและอาหารเช้า นอกจากนั้นยังมีที่พักให้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลาดื่มด่ำธรรมชาติอย่างเต็มที่ พร้อมกับอาหารไว้บริการ 
ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังมองหาสถานที่พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมกับทิวทัศน์สายหมอก ขุนเขา และแสงแดดในยามเช้า ควนนกเต้น จ.พัทลุง เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ห้ามพลาด

ค่าจอดรถ : 50 บาท
ค่ารถบริการ : (ไป-กลับ)60 บาท
ค่าที่พัก : 800 / 1,200 บาท
ข้อมูลการเดินทาง : รถยนต์ จากพัทลุง ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4122 และ ทางหลวงหมายเลข 4
รถบริการ : จุดจอดรถไปยังควนนกเต้น
วันเปิดทำการ : ทุกวัน           
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 4 ต.คลองทรายขาว อ.กงหรา จ.พัทลุง               
เฟซบุ๊ก facebook.com/nongpatthalun
ไลน์ : 083-891-8187 
โทร : 083-891-8187, 066-136-9990

Categories
Uncategorized

วัดถ้ำคูหาสวรรค์

วัดถ้ำคูหาสวรรค์

“ อารามหลวงแห่งแรกของพัทลุง
ที่สามกษัตริย์เคยเสด็จประพาส ”

    วัดถ้ำคูหาสวรรค์ เป็นอีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่มีความสำคัญกับพัทลุง เพราะถูกยกฐานะให้เป็นถึงอารามหลวงแห่งแรกของจังหวัด อีกทั้งยังเป็นวัดที่พระมหากษัตริย์ไทยและเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์โปรดในการเสด็จมาเยือน นอกจากนี้ยังปรากฏในตำนานเมืองพัทลุงที่ว่า “ เมื่อตาสามโมและยายเพชรผู้เป็นหมอสดำเฒ่าในกองช้างถึงแก่กรรม บุตรบุญธรรมอย่างพ่อกุมารและนางเลือดขาวจึงนำอัฐิมาฝั่งไว้ในถ้ำคูหาสวรรค์ ”
     วัดแห่งนี้ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาคูหาสวรรค์ ชาวบ้านที่นี่จึงนิยมเรียกว่า วัดสูง หรือ วัดคูหาสูง ภายในวัดรายล้อมไปด้วยภูเขา บรรยากาศที่เงียบสงบและความร่มรื่น ซึ่งความพิเศษอยู่ตรงบริเวณ ถ้ำคูหาสวรรค์ หรือที่บางคนรู้จักกันในชื่อ ถ้ำน้ำเงิน หรือ ถ้ำพระ โดยบริเวณเพิงผาหน้าถ้ำโดดเด่นด้วยจารึกพระนามย่อพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์และเจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่เคยเสด็จประพาส ทั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว , พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว , สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิจ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช พร้อมทั้งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ นับเป็นเรื่องน่าปิติยินดีของชาวพัทลุง 

    ส่วนภายในถ้ำนั้นประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นดินเหนียวเรียงแถวทั้ง ทางด้านทิศเหนือ ทิศใต้และทิศตะวันตก มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์องค์ใหญ่ และพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีถ้ำนางคลอด รอยพระพุทธบาทจำลองสำริด พระพิมพ์ดินดิบ พระอุโบสถ และ วิหารหลวงปูทวด ให้ผู้ที่มาเยี่ยมเยือนได้สักการะบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล

ข้อมูลการเดินทาง
: รถยนต์ จากอำเภอเมืองพัทลุง ขับไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข 4047 จากนั้นจะเข้าสู่บนถนนคูหาสวรรค์ ใกล้เคียงกับตลาดสดเทศบาลเมืองพัทลุง แล้วเลี้ยวซ้ายบริเวณเขาคูหาสวรรค์ (เขาหัวแตก) ซึ่งเป็นเส้นทางไปสู่วัดถ้ำคูหาสวรรค์ 
วันเปิดทำการ : ทุกวัน  
เวลาเปิดทำการ : 08.00-16.00 น.  
ที่ตั้ง : ถนนคูหาสวรรค์ ตำบลคูหาสวรรค์ อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง 
โทร 074-611-718 

Categories
Uncategorized

แก่งหูแร่

แก่งหูแร่ 

“นั่งชิลแช่ขาลงน้ำ ที่แก่งหูแร่”

    “นั่งชิลแช่ขาลงน้ำ ที่แก่งหูแร่” แก่งหูแร่ตั้งอยู่ที่ อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวคลายร้อนของพัทลุงที่เต็มไปด้วยป่าเขาและแหล่งน้ำที่อุดมสมบูรณ์ มีธารน้ำเย็นๆรอต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านให้มาพักผ่อนหย่อนใจกับครอบครัวในวันว่าง ที่นี่มีร้านอาหาร 5-6 ร้านให้เลือกทาน ซึ่งโต๊ะสำหรับบริการลูกค้าจะมีลักษณะเป็นศาลาเล็กๆกลางลำธาร เรียงกันเป็นกลุ่มๆ จึงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเพราะ นอกจากบรรยากาศจะสวยน่าถ่ายรูปแล้ว ยังสามารถนั่งทานอาหารกลางวันพร้อมดื่มด่ำกับธรรมชาติโดยรอบพร้อมกับแช่ขาลงน้ำในขณะที่ ดูเด็กๆเล่นน้ำไปได้ด้วย หากใครมาเยือนช่วงวันเสาร์อาทิตย์คนจะเยอะอาจจะต้องรอคิวนานหน่อย ที่แก่งหูแร่นี้นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้เลย แถมยังมีห่วงยางให้เช่าเล่นอีกด้วย
นอกจากจะมาท่องเที่ยวพักผ่อนสังสรรค์กันได้ตลอดทั้งปีแล้วที่นี่ยังมีกิจกรรมอีกหนึ่งอย่าง ที่ขาผจญภัยไม่ควรพลาด นั่นก็คือกิจกรรมล่องแก่ง ในช่วงต้นฤดูฝนที่น้ำมีปริมาณมากนั่นเอง

ที่ตั้ง  อ.บางแก้ว จ.พัทลุง 
ค่าใช้จ่าย ค่าจอด 30 บาท ค่าเช่าห่วงยางล้อละ 30 บาท
ข้อมูลการเดินทาง : การเดินทางไปเที่ยวแก่งหูแร่ จากอำเภอหาดใหญ่ วิ่งไปตามถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (เพชรเกษม) มุ่งไปยังอำเภอบางแก้ว จังหวัดพัทลุง พอถึงแยกไปอำเภอบางแก้ว เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4138 ขับตรงไปเรื่อย ๆ จนถึงตำบลท่ามะเดื่อ แล้วจะเห็นป้ายบอกทางไปยังแก่งหูแร่
ข้อมูลติดต่อ : องค์การบริหารส่วนตำบลท่ามะเดื่อ โทรศัพท์ : 074-697-373, 074-697-458
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ โทรศัพท์ : 074-231-055, 0 74-28-518, 074-243-747 

Categories
Uncategorized

สำเภาไทย

สำเภาไทย

“ตื่นตาไปกับคิงคองยักษ์ลากเรือสำเภา
แลนด์มาร์คแห่งใหม่กลางท้องนา”

   สำเภาไทย สถานที่ท่องเที่ยวที่เปิดตัวได้ไม่นาน แต่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม ด้วยบรรยากาศวิถีคนพัทลุงที่เต็มไปด้วยทุ่งนาข้าวเขียวขจี และแลนด์มาร์คที่พลาดไม่ได้อย่าง คิงคองยักษ์ลากเรือสำเภาขนาดใหญ่ ที่คนแวะมาต้องตื่นตาตื่นใจไปกับความอลังการของสถานที่แห่งนี้
   สำเภาไทย ตั้งอยู่ที่บ้านท่าสำเภาใต้ ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง ซึ่งท่าเรือสำเภาบรรทุกสินค้าเก่าได้ถูกเปลี่ยนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวถ่ายรูปสุดชิคกว่า 10 ไร่ เมื่อเข้าไปถึงจะได้พบกับบรรยากาศลมเย็นๆกลางท้องทุ่งที่มีทางเดินเป็นสะพานไม้ทอดยาว ทำให้ได้เข้าไปใกล้ชิดกับผืนนายิ่งขึ้น ระหว่างทางเดินมีจุดนั่งพัก และ มุมถ่ายรูปตามจุดต่างๆ โดยสิ่งแรกที่สะดุดตาเมื่อไปถึงคือจุดเช็คอินยอดฮิตอย่างหุ่นฟางคิงคองยักษ์และเรือสำเภาขนาดใหญ่ ที่ยิ่งมีความสวยงามอลังการขึ้นเมื่อเบื้องหลังเป็นทุ่งนาที่เขียวขจี แต่ถ้าหากไปเยี่ยมเยือนในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนก็จะได้ชมวิวทุ่งนาสีเหลืองทองที่มีความสวยงามไปอีกแบบ 

อีกทั้งยังมีร้านกาแฟสำหรับให้นักท่องเที่ยวได้นั่งชมวิวทุ่งนาพร้อมจิบกาแฟไปพลางๆ หากใครหิวก็มีร้านขายของว่างและเครื่องดื่ม หรือถ้าอยากดื่มด่ำกับบรรยากาศแบบจุใจของที่นี่ก็มีห้องพักรองรับให้บริการ   
    สำหรับใครก็ตามที่อยากมาชื่นชมบรรยากาศธรรมชาติท่ามกลางทุ่งนา ที่แฝงไปด้วยวิถีชีวิตพัทลุง พร้อมกับถ่ายรูปกับแลนด์มาร์คคิงคองยักษ์ลากสำเภาไทย ก็สามารถแวะมาเที่ยวโดยรับรองว่าได้รูปสวยๆกลับไปอวดเพื่อนแน่นอน

ค่าใช้จ่าย
: ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท
ค่าที่พัก 1,000 – 1,200 บาท
วันเปิดทำการ : ทุกวัน เวลา 08.00-18.00น.
ข้อมูลการติดต่อ : โทร 089-599-9479  
เฟซบุ๊ก facebook.com/byTasorn/ 
ที่ตั้ง : หมู่ที่ 4 บ้านท่าสำเภาใต้ ตำบลชัยบุรี อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุง 

Categories
Uncategorized

วังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า – วังใหม่)

วังเจ้าเมืองพัทลุง (วังเก่า - วังใหม่)

“วังเจ้าเมืองพัทลุง ความงามที่ผสมผสานอย่างลงตัว
ชวนให้ระลึกความหลัง”

    ถ้าคุณอยากจะรู้จักกับพัทลุงในแง่มุมของประวัติศาสตร์มากยิ่งขึ้น แนะนำให้ลองไปวังเจ้าเมืองพัทลุงสถานที่พำนักแsละว่าราชการของเจ้าเมืองในอดีต ภายในสถานที่แห่งนี้ประกอบไปด้วย วังเก่า และ วังใหม่ โดยมีตระกูลเจ้าเมืองเก่าอย่างจันทโรจวงศ์ เป็นผู้สร้างขึ้น
วังเก่านั้นถูกสร้างขึ้นมาก่อน แต่ไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าสร้างขึ้นในปีไหน ผู้ก่อตั้งคือพระยาอภัยบริรักษ์ (น้อย จันทโรจวงศ์) เจ้าเมืองพัทลุงในขณะนั้น ต่อมากลายเป็นมรดกตกทอดไปยังทายาทรุ่นหลังของตระกูล ก่อนที่คุณประไพ มุตตามระ จะมอบให้กับกรมศิลปากรในที่สุด สถาปัตยกรรมของวังเก่าเป็นเรือนไทยภาคใต้ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมของภาคกลาง และมีเรือนใหญ่ทรงไทยแฝดอยู่ตรงกลาง ส่วนวังใหม่สร้างขึ้นภายหลังในปี พ.ศ. 2432 โดยพระยาอภัยบริรักษ์ (เนตร จันทโรจวงศ์) ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังวังเก่าทางทิศที่ติดกับ คลองลำปำ จึงมีอีกชื่อเรียกว่า วังใหม่ชายคลอง หรือ วังชายคลอง มีลักษณะเป็นเรือนไทยโบราณที่มี 5 หลัง ประกอบไปด้วยเรือนนอนและเรือนครัว บรรยากาศบริเวณริมน้ำทำให้วังสวยงามน่าอยู่ยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมีศาลาไทยริมน้ำ และมีเรือพัทลุงเก่าแก่ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ให้ชื่นชมความงามอีกด้วย
ปัจจุบันทุกคนสามารถเข้าเยี่ยมชมความงามภายในวังได้ ตามวันและเวลาที่เปิดให้บริการ ซึ่งถ้าใครอยากมาชื่นชมความงามผสมผสานแบบดั้งเดิมที่ชวนให้ระลึกถึงความหลัง พร้อมกับเรียนรู้ความเป็นอยู่ของเจ้าเมืองในสมัยก่อน ก็สามารถแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมได้

ค่าใช้จ่าย : ค่าเข้าชม คนไทย 5 บาท คนต่างชาติ 30 บาท
ข้อมูลการเดินทาง : รถยนต์ : จากอำเภอเมืองพัทลุง อยู่ห่างจากตัวเมืองพัทลุงไปทางทิศตะวันออก ประมาณ 6 กิโลเมตร ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 4047
รถประจำทาง : บริการรับ-ส่ง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 นาที
ข้อมูลการติดต่อ : โทร 074-613-007 ต่อ 104
วันเปิดทำการ : วันพุธ – วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์ – อังคารและวันหยุดนักขัตฤกษ์) เวลา : 09.00 – 12.00 น. และ 13.00 – 16.00 น.

ที่ตั้ง : หมู่ที่ 4 ถนนอภัยอภิรักษ์ ตำบลลำปำ อำเภอเมืองพัทลุง จังหวัดพัทลุง

Categories
Uncategorized

นาโปแก

นาโปแก

“สัมผัสประสบการณ์วิถีนาของพัทลุงแบบแท้ ๆ
ที่ไม่ใช่แค่รู้แต่ได้ลงมือทำจริง”

    นาโปแก สถานที่ท่องเที่ยวท่ามกลางบรรยากาศของทุ่งนาข้าว ซึ่งนอกจากจะได้ชื่นชมความสวยงามแล้วยังได้ทำความรู้จักกับวิถีนาของชาวพัทลุงแท้ ๆ อีกด้วย
    บริเวณตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เป็นที่ตั้งของนาโปแก สถานที่ที่เป็นทั้งแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้วิถีดั้งเดิมของชาวนาพัทลุง โดยคำว่า นาโปแก เป็นภาษาใต้ที่มีความหมายว่า นาของพ่อแก่ หรืออีกนัยหนึ่งคือ นาของบรรพบุรุษ ซึ่งสร้างขึ้นจากความตั้งใจของผู้ก่อตั้งที่อยากจะให้คนรุ่นหลังได้รู้จักกับวิถีชีวิตในการทำนาของคนพัทลุงรุ่นก่อนที่กำลังจะหายไปอย่างช้าๆ เมื่อเดินเข้าไปถึงจะพบกับท้องนาขนาดใหญ่ที่มีสะพานไม้เป็นทางเดินเชื่อมต่อกันตลอดบริเวณผืนนา กระท่อมเล็กใหญ่ที่ปลายทางเดินจัดเป็นพื้นที่สำหรับร้านค้า ร้านอาหาร และร้านกาแฟสำหรับนั่งเล่นรับวิวทุ่งนา โดยยังมีกิจกรรมสำหรับการเรียนรู้การทำนาและการให้ความรู้ที่สอดแทรกทั่วไปผ่านเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ 

รวมถึงพันธุ์ข้าวนานาชนิดที่ปลูกในแปลงนา และยังสามารถลงไปทำนาในบริเวณจุดที่ให้บริการได้อีกด้วย มาที่ นาโปแกแล้ว ได้ทั้งพักผ่อน ชมวิว ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับวิถีนาแบบพัทลุงแท้ๆที่หายากจากที่อื่น ถ้าหากใครต้องการซึมซับกลิ่นอายของท้องนาอย่างจุใจ ก็สามารถติดต่อจองห้องพักขนำปลายนาได้อีกด้วย

ค่าใช้จ่าย
: ค่าเข้าชม ไม่มีค่าใช้จ่าย,ค่าอาหารและเครื่องดื่ม เริ่มต้น 35 บาท
ค่าที่พัก : (ขนำปลายนา) 1,500-1,800 บาท

เปิดทำการทุกวัน : วันจันทร์-วันพฤหัส 08.30-18.00 น. และ วันศุกร์-วันอาทิตย์ 08.00-19.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : รถยนต์ จากอำเภอเมืองพัทลุง
ริมถนนสายควนขนุน-ทะเลน้อย ห่างจากตัวอำเภอควนขนุน 5 กม. ใกล้วัดบ้านสวน ก่อนถึงตลาดปากคลอง
ข้อมูลการติดต่อ : โทร 062-591-6632
เฟซบุ๊ก facebook.com/NAPOKAE/

Categories
Uncategorized

ตลาดใต้โหนด

ตลาดใต้โหนด

  “ตลาดนัดพื้นบ้าน วิถีบ้านบ้านใต้ร่มตาลโตนด”

    ตลาดใต้โหนด หรือที่คนใต้เรียกกันตามภาษาพื้นถิ่นว่า หลาดใต้โหนด ตลาดนัดพื้นบ้านประจำทุกวันอาทิตย์ ที่แม้ว่าจะเปิดมาหลายปีแล้ว แต่ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งรวบรวมของดีของหายาของคนในชุมชนมาขาย ทั้งของกินคาวหวานพื้นเมือง พืชผักพื้นบ้าน งานฝีมือพื้นถิ่น เรียกได้ว่าใครมีของดีอะไรก็นำมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนกัน อีกทั้งยังมีการแสดงพื้นเมืองของคนพัทลุง อย่างมโนราห์ และหนังตะลุงให้เพลิดเพลินอีกด้วย ตลาดแห่งนี้ไม่ได้มีดีแค่นั้น เพราะหลาดใต้โหนดยังเป็นตลาดสีเขียวที่ช่วยกันลดการใช้ถุงพลาสติก และมีการแยกขยะอีกด้วย ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ในบรรยากาศสุดร่มรื่นใต้ต้นตาลโตนดที่เรียงรายอยู่ในพื้นที่ตำบลดอนทราย มีจุดกำเนิดมาจาก “บ้านนักเขียน” ของคุณกนกพงศ์ สงสมพันธุ์ นักเขียนรางวัล ซีไรต์ปี 2539 ที่หลังจากลาลับ พี่ชายอย่างคุณนิยุติ สงสมพันธุ์ ได้ปรับเปลี่ยนให้เป็นแหล่งแลกเปลี่ยนความรู้ของชุมชนผ่านการแบ่งปันหนังสือ

และพัฒนามาเป็นร้านขายกาแฟที่เป็นจุดนัดพบของศิลปินหลายแขนง อีกทั้งให้ผู้มาเยือนได้จิบกาแฟรับบรรยากาศแสนสบายใต้ร่มไม้ ซึ่งต่อมาได้ร่วมมือกับเครือข่ายกินดีมีสุขจึงได้เกิด ตลาดขึ้น   
    ตลาดแห่งนี้อยู่ตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง หากมีโอกาสขับรถแวะเวียนมาชื้อ “ของกิน ของใช้ งานศิลป์ บ้านบ้าน” แลกเปลี่ยนพูดคุย จิบกาแฟ อ่านหนังสือ ในบรรยากาศสุดชิลใต้ร่มตาล ที่จะทำให้รู้สึกเหมือนได้เยี่ยมเยือนบ้านคนพัทลุงอย่างแท้จริง

ข้อมูลการติดต่อ : โทร 074-673-616 , 085-065-4480
เฟซบุ๊ก :  facebook.com/Tainodgreenmarket/
เวลาเปิดทำการ : วันเปิดทำการ : วันอาทิตย์ เวลาเปิดทำการ : 08.00 น. – 15.00 น.
ข้อมูลการเดินทาง : รถยนต์ จากอำเภอเมืองพัทลุง เส้นทางไปอุทยานแห่งชาติเขาปู่ – เขาย่า บ้านจันนา ตำบลดอนทราย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง

Categories
Uncategorized

ขนำ คอฟฟี่

ขนำ คอฟฟี่

“ชีวิต slow life จิบกาแฟ แลเขาอกทะลุ ที่ขนำ คอฟฟี่”

  ชื่อของร้านกาแฟแห่งนี้ชวนให้สงสัยว่าความหมายนั้นแปลว่าอะไร ขนำ เป็นศัพท์ที่ทางใต้ใช้เรียกกระท่อมเล็กๆซึ่งก็ตรงตามตัว เพราะที่นี่มีลักษณะเป็นกระท่อมเล็กหลายๆหลังเชื่อมต่อกันด้วยทางเดินไม้ ล้อมรอบด้วยบรรยากาศทุ่งนาอันแสนจะอบอุ่น สามารถมาจิบกาแฟชมวิวเขาอกทะลุและถ่ายรูปชิลๆได้ ที่ร้านจะมีมุมถ่ายรูปหลายมุมให้นักท่องเที่ยวได้เลือกสรร รวมไปถึงมุมชิงช้ารังนก และเลือกนั่งพักผ่อนหย่อนใจได้รอบร้านแห่งนี้
    แต่ละขนำจะมีร้านย่อยกระจายกันไป ให้ลูกค้าได้เลือกรับประทาน ทั้ง เครื่องดื่ม เค้ก ไอศรีม ขนมปัง ขนมไทย หรืออาหารคาวที่นี่ก็มีบริการ ซึ่งร้านนี้ถือว่าเป็นร้านยอดนิยมจากรีวิวในสังคมออนไลน์ โดยเมนูแนะนำ ที่ต้องลองคือ เค้กมะพร้าว และกาแฟที่หอมกรุ่น หากใครแวะมาเที่ยวจังหวัดพัทลุง ขนำ คอฟฟี่ เป็นอีกหนึ่งร้านกาแฟที่ขอแนะนำว่าไม่ควรพลาด

เบอร์โทรศัพท์ : 099-970- 6178
ข้อมูลการเดินทาง : ถนนมโนราห์ (บายพาส) พัทลุง ใกล้โรงเรียนพัทลุงพิทยาคมควนมะพร้าว เมืองพัทลุง  จังหวัดพัทลุง

Categories
Uncategorized

ขนมหวานป้ากี้

ขนมหวานป้ากี้

“ขนมหวานป้ากี้ สาคูดี ขนมหวานดัง” 


    ขนมหวานอันแสนน่ากินของดีเมืองพัทลุง ที่รังสรรค์โดยป้ากี้ หรือชื่อเต็มๆคือ ป้าเยาวณีย์ ตันชีวะวงศ์เจ้าของร้าน ที่นี่มีจุดเด่นคือการนำ สาคู ที่มาจากต้นสาคูจริงหรือที่เรียกกันว่าสาคูต้นมาทำเป็นสาคูเปียก เป็นเมนูท้องถิ่นที่หาทานได้ยาก เนื่องจากปัจจุบันนิยมนำสาคูสำเร็จรูปที่ทำมาจากแป้งมันสำปะหลังมาทำ เพราะสะดวกและรวดเร็วกว่า

นอกจากนี้ป้ากี้ยังบอกว่าสูตรขนมของร้านนี้เป็นสูตรที่ได้รับมาจากคุณแม่ ซึ่งการันตีความอร่อยมานานกว่า 50 ปี รับรองว่าถ้าพลาดแล้วจะเสียดายที่ไม่ได้มาชิม ขนมหวานที่นี่ทำสดใหม่ทุกวันรสชาติหวานหอมอร่อย ราคาถ้วยละประมานสิบบาทเท่านั้น แถมยังมีให้เลือกเป็นสิบๆชนิดทั้งกล้วยบวชชี กล้วยเชื่อม ต้มถั่ว ข้าวเหนียวถั่วดำ และอื่นๆอีกมากมาย เรียกได้ว่าทานกันให้สะใจเลยทีเดียว หากอยากพักจากการทานขนมหวาน ทางร้านก็จะมีน้ำดื่มกลิ่นมะลิ ที่ทางร้านปลูกเองทำเองรับรองให้กับลูกค้า ซึ่งตัวร้านเองก็หาไม่ยากอยู่ติดถนน ควนขนุน-ปากคลอง มาได้ง่ายไม่ต้องกลัวหลง หากผ่านมาแถวนี้ก็ลองแวะทานขนมหวานป้ากี้ดูแล้วรับรองว่าจะติดใจ

ข้อมูลการเดินทาง : จากตัวเมืองควนขนุน มุ่งหน้าไปทางที่ทำการไปรษณีย์ควนขนุน ร้านขนมหวานป้ากี้ อยู่ห่างจากไปรษณีย์ประมาณ 200 เมตร
ข้อมูลติดต่อ : เปิดทุกวัน 11.00 น. ถึง 17.00 น. เบอร์ติดต่อ 074672352
ที่ตั้ง : 247 ถ.ควนขนุน-ปากคลอง ต.ควนขนุน อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 93110

Categories
Uncategorized

มโนราห์โรงครู

มโนราห์โรงครูวัดท่าแค

“เรียนรู้พิธีกรรมเก่าแก่ ของแท้ที่พัทลุง”

   พิธีกรรมเก่าแก่ ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดหากได้มีโอกาสเข้ามาเยี่ยมชมที่พัทลุง เพราะพิธีกรรมมโนราห์โรงครูที่วัดท่าแคมีความพิเศษกว่าที่อื่น ตรงที่เป็นงานใหญ่ที่มีผู้คนมาร่วมงานหลายพันคน มีทั้ง “ครูหมอโนรา” หรือ “ตายายโนรา” บรรดามโนราห์ทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ รวมถึงผู้สนใจ ทั้งนี้การแสดงโนราหรือมโนราห์นั้นเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านภาคใต้ที่มีสองลักษณะคือ มโนราห์ที่เป็นการแสดงเพื่อความบันเทิงทั่วไป กับมโนราห์โรงครู เป็นการแสดงเพื่อบูชา “ครูหมอโนรา” ซึ่งเป็นบรรพบุรุษผู้สืบสายเลือดการแสดงที่ล่วงลับไปแล้วด้วยความกตัญญ   
    พิธีจะจัดในช่วงขึ้นเดือน 6 ในช่วงปลายเดือนเม.ย.- พ.ค. ของทุกปี คณะมโนราห์และลูกหลานเชื้อสายมโนราห์ จะจัดกิจกรรม “โนราโรงครู” ขึ้น เพื่อแสดงความกตัญญูต่อครูหมอโนรา และบรรพบุรุษ มีการทำพิธีแก้เหมย(แก้บน) รวมทั้งประกอบพิธีครอบเทริด หรือผูกผ้าใหญ่ หรือแต่งพอกให้กับโนรารุ่นใหม่ คนที่นี่มีความเชื่อว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน โนราก็ไม่มีวันสูญหายเพราะมีพิธีกรรมและความเชื่อที่ลูกหลานจะต้องสืบทอดวิชาต่อจากบรรพบุรุษ ซึ่งถ้าลูกหลานคนไหนที่ถูกเลือกสรรไว้แล้วไม่สืบทอดต่ออาจจะมีอันเป็นไป หรือไม่ก็เจ็บไข้ได้ป่วย และในช่วงทำพิธีเชิญครู บวงสรวงครู ก็มีบรรดาหญิงและชายจำนวนหนึ่งเข้ามาในพิธีด้วยท่าทางที่แตกต่างกันไป ทั้งรำเข้ามาอย่างอย่างสวยงาม เต้นเข้ามา ปีนเสาเต็นท์ ร้องไห้และมีญาติประคองเข้ามา ทำท่าขึงขัง ตัวสั่น หรือบางคนอยู่ในวัยหนุ่มสาวแต่นั่งเคี้ยวหมาก ก็ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อของคนที่นี่ ว่าเป็นเพราะครูหมอโนรามาเข้าทรง เนื่องจากคนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีบรรพบุรุษเป็นครูหมอโนราอยู่แล้ว

    สองจุดสำคัญที่ผู้คนรอชมกันก็คือ “พิธีรำคล้องหงส์” และ “การรำแทงเข้” โดยก่อนจะคล้องหงส์บริเวณลานด้านนอก ภายในโรงพิธีจะจัดแสดงเรื่องพระสุธน มโนราห์ ในส่วนของการรำแทงเข้ มาจากความเชื่อในเรื่องการทิ้งเคราะห์ลอยโศกไปกับจระเข้ จะทำให้การดำเนินชีวิตราบรื่นด้วยดี โดยโนราเจ้าพิธีจะแสดงเป็น “ไกรทอง” พาพรรคพวกออกมาจากโรงพิธีไปลานที่ตั้งจระเข้จำลอง คล้ายกับการไปไล่ล่าชาละวัน
ส่วนอีกพิธีคือ “เหยียบเสน” ซึ่งเป็นเนื้องอกที่นูนขึ้นมาเป็นแผ่นสีแดง เรียกว่าเสนทอง ถ้าเป็นแผ่นสีดำ เรียกเสนดำ เสนจะไม่มีอาการเจ็บ หากเป็นตรงไหน หลังจากโนราใหญ่ทำพิธีตามขั้นตอนเสร็จ พร้อมว่าคาถากำกับและร่ายรำท่าเฉพาะ โนราใหญ่จะใช้หัวแม่เท้าไปแตะตรงที่เป็นเสนแล้วเหยียบเบาๆ จากนั้นนำกริชพระขรรค์ ไปแตะตรงที่เป็นเสนและบริกรรมคาถา ทำเช่นนี้สามครั้ง เชื่อกันว่าหลังจากนี้เสนจะค่อยๆ หายไป ถ้าไม่หายให้ทำอีกจนครบสามครั้ง เสนจะหายหมด ในงานนี้พ่อแม่ต่างหอบลูกจูงหลานหลายสิบคนมาทำพิธี
เรื่องราวทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อ เป็นวิถีของชาวใต้ ชาวท่าแค พัทลุง ที่ผูกพันอยู่กันมาตั้งแต่โบราณ และเชื่อว่าโนราจะยังคงอยู่กับคนพวกเค้าต่อไปอีกต่อไปตราบนานเท่านาน หากได้มาลองสัมผัสจะรู้สึกได้ถึงความสวยงามและมนต์ขลังของที่นี่


ข้อมูลการติดต่อ : ที่วัดท่าแค ต.ท่าแค อ.เมือง จ.พัทลุง 93000
สามารถสอบถามได้ที่ facebook มโนราโรงครูท่าแคและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานหาดใหญ่ (สงขลา-พัทลุง) 
โทรศัพท์ 074-243-747